ข้อควรรู้สำหรับผู้บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด
ผศ.นพ.ชินดล วานิขพงษ์พันธุ์
หน่วยโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด หรือ hematopoietic stem cell transplantationนั้นเป็นหนึ่งในการรักษาที่สำคัญสำหรับโรคทางโลหิตวิทยา โดยเฉพาะมะเร็งทางโลหิตวิทยา โดยมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญเพื่อให้หายขาดจากโรค หรือโรคสงบยาวนาน การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด เดิมเรียกว่าการปลูกถ่ายไขกระดูก เพราะเซลล์ต้นกำเนิดที่นำมาใช้ปลูกถ่ายนั้นเก็บจากไขกระดูกเป็นหลัก แต่ปัจจุบันสามารถเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากเลือด และสายรกได้ จึงนิยมเรียกว่าการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดแทน
หลักการ การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ประกอบด้วยการรักษา หรือควบคุมโรคทางโลหิตวิทยาของผู้ป่วยให้อยู่ในระยะสงบ หรือตอบสนองดีเยี่ยม จากนั้นจึงนำเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดที่ปกติ ไม่เป็นโรค และไม่มีมะเร็งปนเปื้อน ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ มาให้แก่ผู้ป่วยทางหลอดเลือดดำใหญ่ เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดที่ให้ จะวิ่งเข้าไปที่ไขกระดูก เริ่มฝังตัว และผลิตเม็ดเลือดใหม่ทดแทน จนร่างกายฟื้นตัว จำนวนเซลล์เม็ดเลือดทั้งสามชนิด คือ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ด้วยวิธีการนี้จะทำให้ร่างกายได้เซลล์เม็ดเลือดใหม่ที่ปกติ และไม่เป็นโรคมาทำหน้าที่ทดแทน จากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยไม่ต้องได้รับผ่าตัดแต่อย่างใด (เคยมีความเข้าใจผิดว่าการปลูกถ่ายไขกระดูก หรือเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ต้องมีการผ่าตัดเอากระดูกและไขกระดูกจากผู้บริจาค ไปใส่ให้แก่ผู้ป่วย ซึ่งไม่เป็นความจริงเป็นเพียงการเก็บเซลล์จากผู้บริจาคและนำไปให้แก่ผู้ป่วยทางหลอดเลือดเท่านั้น)
ชนิด การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด แบ่งตามแหล่งที่เก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ได้เป็น 3 แบบ คือ ไขกระดูก เลือด และสายรก หากแบ่งตามผู้บริจาค แบ่งได้เป็น 2แบบ คือใช้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดของตนเอง และเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากผู้อื่น โรคที่จะใช้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดของตนเองได้ คือโรคที่ไม่มีความผิดปกติของเซลล์กำเนิดเม็ดเลือด ส่วนโรคที่มีความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดนั้น จำเป็นต้องใช้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด จากผู้บริจาคซึ่งมีความเข้ากันทางพันธุกรรม ซึ่งดีที่สุดคือผู้บริจาคที่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา กับผู้ป่วยและมีความเข้ากันได้ทางพันธุกรรม หรือ HLA ซึ่งมีโอกาสเข้ากันได้โดยประมาณ 1 ใน 4กรณีที่ไม่มีผู้บริจาคพี่น้องร่วมบิดามารดาที่มีความเข้ากันได้ทางพันธุกรรมโดยสมบูรณ์กับผู้ป่วย (matched sibling donor หรือ MSD)อาจใช้ผู้บริจาคที่ไม่ใช่ญาติที่มีความเข้ากันได้ทางพันธุกรรมโดยสมบูรณ์กับผู้ป่วย (matched unrelated donor หรือ MRD)หรือผู้บริจาคที่มีความเข้ากันได้ทางพันธุกรรมอย่างน้อยกึ่งหนึ่งกับผู้ป่วย (haplo-identical donor หรือ HID)
ขั้นตอนสำคัญ ของการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ประกอบด้วย 6 ขั้นตอนดังนี้
สำหรับผู้บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด จะเกี่ยวข้องกับขั้นตอนที่ 3ของการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด คือขั้นตอนการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดเป็นสำคัญ ซึ่งแบ่งเป็น 2วิธีหลัก คือการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด จากไขกระดูก และการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากเลือด โดยขั้นตอนการเก็บมีความแตกต่างกันดังตาราง
การเก็บเซลล์ |
จากไขกระดูก |
จากเลือด |
ผู้บริจาค |
บุคคลอื่นที่มีความเข้ากันได้ทางพันธุกรรม โดยดูจาก HLA |
ผู้ป่วยเอง หรือบุคคลอื่นที่มีความเข้ากันได้ทางพันธุกรรมโดยดูจาก HLA |
โรคอยู่ในระยะสงบ |
ไม่จำเป็นเพราะเก็บจากผู้บริจาค |
จำเป็นกรณีเก็บของเซลล์ตนเอง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเซลล์มะเร็ง |
ฉีดยากระตุ้นเซลล์ ใต้ผิวหนัง ชื่อว่า G-CSF |
ไม่จำเป็น |
จำเป็น เพื่อเพิ่มปริมาณเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดและทำให้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดหลุดออกจากไขกระดูกเข้ามาอยู่ในกระแสเลือด |
นับเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ก่อนเก็บ |
ไม่จำเป็น |
จำเป็น โดยนิยมนับวันที่ 4 หรือ 5 หลังฉีดกระตุ้น ควรมีค่ามากกว่า 20 เซลล์/ไมโครลิตร |
ดมยาสลบ |
จำเป็น |
ไม่จำเป็น |
ใส่สายสวนหลอดเลือดดำ |
ไม่จำเป็น |
จำเป็น |
เครื่องเก็บเซลล์ |
ไม่จำเป็น |
จำเป็น |
วิธีการเก็บ |
หลังดมยาสลบแล้ว จัดท่าให้ผู้บริจาคนอนคว่ำ เจาะดูดไขกระดูกบริเวณก้น ทั้ง 2ข้างจนได้ปริมาณเซลล์ตามต้องการ |
ต่อเครื่องเก็บเซลล์กับหลอดเลือดดำของผู้บริจาคโดยมี 2สาย สำหรับดูดเลือด และคืนเลือด เครื่องจะทำการปั่นแยกเฉพาะส่วนของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดมาเก็บในถุง ส่วนที่เหลือคืนกลับสู่บริจาค |
ความสะดวกในการเก็บ |
น้อยกว่า เพราะต้องเก็บในห้องผ่าตัด ดมยาสลบ และต้องการทีมงานหลายคน เพื่อเจาะดูดไขกระดูก และผสมสารกันการแข็งตัวของเลือดตลอดเวลา |
มากกว่า สามารถเก็บที่หอผู้ป่วยสามัญได้ |
ระยะเวลาในการเก็บ |
1วัน ในห้องผ่าตัด ใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง |
ขึ้นกับปริมาณเซลล์ที่เก็บได้ โดยเฉลี่ย 1-2 วัน โดยต่อเครื่องเก็บเซลล์นานครั้งละ 3-6 ชั่วโมง |
ระยะเวลาในการนอน รพ. |
3วัน |
3-4 วัน (7 วันรวมฉีดกระตุ้น) |
การรักษาสภาพเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดหลังเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดแล้ว จะมีการนับจำนวนเซลล์ที่ได้ และเติมน้ำยารักษาสภาพเซลล์ ชื่อว่า DMSO และนำไปแช่ในถังไนโตรเจนเหลว หรือตู้เย็นอุณหภูมิ -180 องศา รอนำมาใช้ เมื่อจะนำมาใช้ ต้องมีการละลายโดยควบคุมอุณหภูมิ
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญจากการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด
กรณีเก็บเซลล์จากเลือด
กรณีเก็บเซลล์จากไขกระดูก
การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ก็คล้ายการบริจาคเลือด หรือเกล็ดเลือด ซึ่งร่างกายสามารถสร้างขึ้นใหม่ทดแทนได้ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดจากการบริจาค
ความเข้าใจอันดีเกี่ยวกับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด และการบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด จะช่วยลดความวิตกกังวล และทำให้ผู้บริจาคเซลล์ เก็บเซลล์อย่างปลอดภัย และทำให้มีผู้มาบริจาคเซลล์ให้กับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องปลูกถ่ายไขกระดูก มากยิ่งขึ้นในอนาคต
ภาพที่ 1 แสดงลักษณะเครื่องเก็บเซลล์
ภาพที 2 แสดงถุงเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดที่เก็บได้