โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ
(Aplastic anemia)
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พันเอกหญิง แพทย์หญิง จันทราภา ศรีสวัสดิ์
หัวหน้าแผนกโลหิตวิทยา/รองผู้อำนวยการกองอายุรกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
คำนำ
โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ (aplastic anemia) เป็นโรคที่ไขกระดูกไม่สามารถสร้างเซลล์เม็ดเลือดได้ ทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาโลหิตจาง เลือดออกจากเกร็ดเลือดต่ำ และติดเชื้อโรคง่ายจากเม็ดเลือดขาวต่ำ โรคนี้จะพบในประชากรทางกลุ่มประเทศทางตะวันออกมากกว่าประเทศทางตะวันตก
อุบัติการณ์
อุบัติการณ์ที่รวบรวมจากการศึกษาของทางยุโรปและอิสราเอล ค.ศ.1980-1984 พบอุบัติการณ์ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ 2 รายต่อประชากร 1 ล้านคนต่อปี แต่ได้มีการศึกษาในประเทศไทย พบอัตราการเกิด 4 รายต่อประชากร 1 ล้านคนต่อปี ประเทศจีนพบ 7.4 รายต่อ 1 ล้านคนต่อปี อายุที่พบบ่อยมีสองช่วงอายุคือ 15-25 ปี และมากกว่า 60 ปี พบได้ทั้งเพศชายและหญิงพอ ๆ กัน
สาเหตุของการเกิดโรค
สาเหตุของการเกิดโรคส่วนใหญ่ไม่สามารถหาสาเหตุได้ แต่ที่พอสืบหาต้นเหตุได้ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ สาเหตุจากโรคทางพันธุกรรม (inherited หรือ congenitalcauses) และสาเหตุจากปัจจัยที่เกิดภายหลัง (acquired causes) ดังแสดงในตารางที่ 1
อาการและอาการแสดงของผู้ป่วย
ไขกระดูกเป็นอวัยวะสำคัญทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือดแดง เกร็ดเลือด และเม็ดเลือดขาว การที่เซลล์ทั้ง 3 ชนิดลดต่ำลง การสร้างเม็ดเลือดแดงลดลง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการซีด ถ้าโลหิตจางมาก จะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายเวลาออกแรง หอบเหนื่อย ถ้าโลหิตจางเป็นมากอาจมีการทำงานของหัวใจล้มเหลว
การสร้างเกร็ดเลือดลดลง จะมาด้วยจุดเลือดออกตามตัว เลือดออกในปาก ถ้าเป็นผู้หญิงอาจมีประจำเดือนออกมากกว่าปกติ ปัญหาเลือดออกเป็นปัญหาที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์บ่อยที่สุด ดังตารางที่ 2
การสร้างเม็ดเลือดขาวต่ำมีผลทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อง่ายโดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การรักษา
การรักษาแบ่งเป็นการรักษาโดยการให้เลือดที่ขาดหายไป และการรักษาเฉพาะเจาะจง
การรักษาโดยการให้เลือด
การรักษาโรคไขกระดูกฝ่อโดยตรง
ตารางที่ 1 สาเหตุของการเกิดโรคไขกระดูกฝ่อ
ตารางที่ 2 อาการแสดงที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์ ในผู้ป่วยไขกระดูกฝ่อ
อาการและอาการแสดง % ที่พบ
- เลือดออกผิดปกติ 41
- โลหิตจาง 27
- เลือดออกร่วมกับโลหิตจาง 14
- เลือดออกร่วมกับโรคติดเชื้อ 6
- โรคติดเชื้อ 5
- ตรวจเลือดผิดปกติจากการตรวจประจำ
(routine examination) 7